สกินแคร์มีกี่ประเภท

สกินแคร์มีกี่ประเภท ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องสกินแคร์ ให้หายข้องใจ

สกินแคร์มีกี่ประเภท สกินแคร์ (Skincare) คือกระบวนการและระบบการดูแลและบำรุงผิวหน้า เพื่อรักษาสุขภาพของผิวให้ดีและสวยงาม โดยใช้ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ และเทคนิคต่างๆ เพื่อช่วยบำรุงและปกป้องผิวหน้าจากปัญหาต่างๆ เช่น สิว, ริ้วรอย, หลุมสิว, หรือผิวขาดความชุ่มชื้น รวมถึงการใช้ สกินแคร์ขั้นตอนพื้นฐาน เช่น ทำความสะอาดหน้า, การบำรุงความชุ่มชื้น, การใช้ครีมกันแดด และอาจรวมถึงขั้นตอนเสริม เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะบนผิวหน้า การดูแลผิวให้เหมาะสมและตรงกับประเภทของผิวและความต้องการของแต่ละคนเป็นสิ่งสำคัญในการบรรลุผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการดูแลผิวหน้าและความประทับใจที่ดูแลมากขึ้นในระยะยาว

สกินแคร์มีกี่ประเภท เรียงลำดับขั้นตอนการลงสกินแคร์แบบสมบูรณ์

ลำดับการลงสกินแคร์ ในแต่ละขั้นตอนนั้น ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ โดยทั่วไปแล้วผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อสัมผัสบางเบาจะลงก่อน ตามด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อสัมผัสหนาขึ้น

เมคอัพรีมูฟเวอร์ (Makeup remover) 

ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดเครื่องสำอางออกจากใบหน้า ช่วยให้ผิวสะอาดหมดจด ปราศจากสิ่งสกปรก น้ำมัน เครื่องสำอาง และมลภาวะต่างๆ ช่วยให้ผิวพร้อมรับการบำรุงจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย เมคอัพรีมูฟเวอร์ มีให้เลือกหลากหลายประเภท ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและประเภทของเครื่องสำอางที่ใช้ ดังนี้

  • คลีนซิ่งวอเตอร์ (Cleansing Water) เป็นเมคอัพรีมูฟเวอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากใช้งานง่าย เพียงแค่เทลงบนสำลีแล้วเช็ดเบาๆ บนใบหน้า ก็จะช่วยขจัดเครื่องสำอางได้อย่างสะอาดหมดจด คลีนซิ่งวอเตอร์มีให้เลือกหลายสูตร เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
  • คลีนซิ่งมิลค์ (Cleansing Milk) เป็นเมคอัพรีมูฟเวอร์ที่มีเนื้อสัมผัสเข้มข้น คล้ายกับน้ำนม เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย เนื่องจากจะช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื้นไปด้วยในตัว
  • คลีนซิ่งออยล์ (Cleansing Oil) เป็นเมคอัพรีมูฟเวอร์ที่มีเนื้อสัมผัสเป็นน้ำมัน เหมาะสำหรับคนที่มีเครื่องสำอางกันน้ำหรือติดทนนาน เนื่องจากจะช่วยละลายเครื่องสำอางออกได้ง่าย
  • คลีนซิ่งเจล (Cleansing Gel) เป็นเมคอัพรีมูฟเวอร์ที่มีเนื้อสัมผัสเป็นเจล เหมาะสำหรับคนที่มีผิวมันหรือผิวผสม เนื่องจากจะช่วยควบคุมความมันบนใบหน้า

คลีนเซอร์ (Cleanser)

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า เช่น สบู่ หรือ โฟม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในกระบวนการทำความสะอาดผิวหน้าเพื่อเอาออกสิ่งสกปรกและสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่บนผิวหน้า มีหลายรูปแบบและสูตรต่างๆ สำหรับความต้องการและประเภทผิวของแต่ละคน เช่น

  1. สบู่ก้อน (Bar Soap) คือ สบู่ที่มีรูปแบบเป็นก้อนหรือแท่ง ซึ่งเป็น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า และร่างกายที่นิยมใช้มากในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา สบู่ก้อนมักจะทำจากสารออร์แกนิคหรือสารที่สร้างจากธรรมชาติเช่น น้ำมันพืช และสารสกัดจากสมุนไพร และมีสูตรต่างๆ ที่เหมาะสำหรับประเภทผิวแตกต่างกัน เช่น สบู่ก้อนสำหรับผิวแห้ง, สบู่ก้อนสำหรับผิวมัน, หรือสบู่ก้อนที่มีส่วนผสมพิเศษเช่น สบู่ก้อนสำหรับผิวแพ้ง่าย
  2. เจลล้างหน้า (Facial Cleansing Gel) คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่มีรูปแบบเป็นเจล ที่ใช้ในกระบวนการทำความสะอาดผิวหน้า เจลล้างหน้ามักจะมีสูตรที่สามารถล้างสิ่งสกปรกและสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่บนผิวหน้าได้อย่างอ่อนโยนและมีประสิทธิภาพ โดยเจลสามารถใช้กับผิวทั้งแห้งและมันได้ และมักมีสูตรที่รวบรวมสารบำรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผิว เช่น วิตามินซี หรือสารสกัดจากสมุนไพร
  3. โฟมล้างหน้า (Foam Cleanser) คือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่มีรูปแบบเป็นโฟม ที่ใช้ในกระบวนการล้างหน้า เป็นสิ่งสำคัญในกระบวนการดูแลผิวหน้า เนื่องจากมันช่วยในการล้างสิ่งสกปรกและสิ่งสกปรกจากมลภาวะออกจากผิวหน้าอย่างอ่อนโยนและมีประสิทธิภาพ โฟมล้างหน้ามักมีสูตรที่เหมาะกับผิวทั้งแห้งและมัน และสามารถช่วยล้างสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางได้อย่างล้ำลึก

โทนเนอร์ (Toner) 

โทนเนอร์ คือ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในกระบวนการดูแลผิวหน้า เป็นขั้นตอนหนึ่งในสิ่งสำคัญของระบบสกินแคร์ เจ้าตัวโทนเนอร์มักมีลักษณะเป็นเนื้อโซลูชั่น จะมีทั้งแบบ โซลูชั่นแบบน้ำ (Aqueous Solution) และ โซลูชั่นแบบแอลกอฮอล์ (Hydroalcoholic Solution) โดยมักมีหลายประเภทและสูตรต่าง ๆ ที่เหมาะกับประเภทผิวและความต้องการของผิวของแต่ละคน

เอสเซนส์ (Essence) 

เอสเซนส์ เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีลักษณะเป็นน้ำหรือเจลบางเบา อุดมไปด้วยสารบำรุงต่างๆ เช่น วิตามิน แร่ธาตุ กรดไฮยาลูรอนิก เป็นต้น เอสเซนส์ทำหน้าที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ปรับสมดุลผิว และเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุงจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ ต่อไป เอสเซนส์มักถูกเรียกว่าเป็น “น้ำตบ” เนื่องจากเนื้อสัมผัสที่บางเบาและวิธีการใช้ที่คล้ายกับการตบเบาๆ บนผิว เอสเซนส์จึงเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย

เซรั่ม (Serum) 

เซรั่ม เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีลักษณะเป็นน้ำใสหรือเจลใส มีเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว อุดมไปด้วยสารบำรุงเข้มข้น เช่น วิตามิน แร่ธาตุ กรดไฮยาลูรอนิก เป็นต้น เซรั่มทำหน้าที่ช่วยแก้ไขปัญหาผิวเฉพาะจุด เช่น ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวเป็นสิว ผิวหมองคล้ำ ริ้วรอย เป็นต้น โดยเซรั่มเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากเซรั่มมีเนื้อสัมผัสที่บางเบา ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ง่าย และอุดมไปด้วยสารบำรุงเข้มข้น จึงสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มอยเจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) 

มอยเจอร์ไรเซอร์ คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ทำหน้าที่เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว โดยการทำงานหลักคือ การเคลือบผิวเอาไว้เพื่อลดการสูญเสียน้ำของผิว ช่วยให้ผิวนุ่มและเรียบเนียน มอยเจอร์ไรเซอร์มีส่วนผสมหลักคือ น้ำ และน้ำมัน ซึ่งทำหน้าที่ช่วยดึงดูดและเก็บกักความชุ่มชื้นไว้บนผิว

โลชั่น (Lotion) 

โลชั่น คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดหนึ่งที่มีเนื้อสัมผัสที่บางเบา ซึมเข้าสู่ผิวได้ง่าย เหมาะกับผิวธรรมดาถึงผิวมัน โลชั่นมีส่วนประกอบหลักคือ น้ำ น้ำมัน และสารอิมัลซิไฟเออร์ ซึ่งทำหน้าที่ช่วยกระจายตัวของน้ำและน้ำมันให้เป็นเนื้อเดียวกัน โลชั่นมีส่วนผสมของน้ำมันน้อยกว่าครีม จึงมีเนื้อสัมผัสที่บางเบากว่า แต่ยังคงสามารถให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้ โลชั่นมักมีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น (Humectants) เช่น กลีเซอรีน ไฮยาลูรอน กรดแลคติก กรดซาลิไซลิก ซึ่งทำหน้าที่ดึงดูดและเก็บกักความชุ่มชื้นไว้บนผิว โลชั่นบางชนิดอาจมีส่วนผสมของสารบำรุงผิว (Emollients) เช่น น้ำมันธรรมชาติ ไขผึ้ง เชียบัตเตอร์ ซึ่งช่วยเพิ่มความนุ่มนวลและยืดหยุ่นให้กับผิว

ครีม (Cream) 

ครีม คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชนิดหนึ่งที่มีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้น เหมาะกับผิวแห้งถึงผิวบอบบาง ครีมมีส่วนประกอบหลักคือ น้ำ น้ำมัน และสารอิมัลซิไฟเออร์ ซึ่งทำหน้าที่ช่วยกระจายตัวของน้ำและน้ำมันให้เป็นเนื้อเดียวกัน ครีมมักใช้ทาผิวหน้าและผิวกายเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงผิว ครีมบางชนิดอาจมีส่วนผสมของสารกันแดดหรือสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและมลภาวะได้ ความแตกต่างระหว่างครีมและโลชั่นนั้น อยู่ที่เนื้อสัมผัสเป็นหลัก ครีมมีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นกว่าโลชั่น เหมาะสำหรับผิวแห้งถึงผิวบอบบาง ในขณะที่โลชั่นมีเนื้อสัมผัสที่บางเบากว่าครีม เหมาะสำหรับผิวธรรมดาถึงผิวมัน

กันแดด (Sunscreen) 

กันแดด เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการป้องกันผิวหน้าและร่างกายจากรังสีแสงแดดที่มีอันตรายต่อผิว เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “ครีมกันแดด” ผลิตภัณฑ์นี้มักถูกใช้เมื่อออกนอกในแสงแดดหรือในกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องอยู่ในแดดเป็นเวลานาน เพื่อป้องกันผิวจากรังสี UVA และ UVB ที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผิว เช่น การเสื่อมสภาพผิว, การเกิดรอยสิวที่มืดขึ้น, และการเสื่อมลดสีผิว กันแดดมักมีปัจจัย SPF (Sun Protection Factor) ที่บ่งบอกความสามารถในการป้องกันจากรังสี UVB ยิ่งค่า SPF มากขึ้นจะยิ่งมีความสามารถในการป้องกันจากรังสี UVB ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันจากรังสี UVA ด้วย การเลือกใช้กันแดดที่เหมาะกับประเภทผิวและความต้องการของคุณเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากมี กันแดดที่เหมาะกับผิวแห้ง, ผิวมัน, หรือผิวที่มีปัญหาเฉพาะ เช่น ผิวแพ้ง่าย

ผงแป้ง (Powder) 

ผงแป้ง สามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบหลักๆ ตามลักษณะของเนื้อสัมผัส คือ

  • ผงแป้งฝุ่น (Loose powder) เป็นผงแป้งที่มีเนื้อสัมผัสที่ละเอียด โปร่งเบา เหมาะกับผิวธรรมดาถึงผิวมัน ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน ปกปิดรูขุมขน และดูดซับความมันส่วนเกิน
  • ผงแป้งอัดแข็ง (Pressed powder) เป็นผงแป้งที่มีเนื้อสัมผัสที่แน่นกว่าผงแป้งฝุ่น เหมาะกับผิวมันถึงผิวผสม ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียน ปกปิดรูขุมขน และควบคุมความมันส่วนเกิน

เนื้อบาล์ม (Ointment) 

เนื้อบาล์ม เป็นเนื้อสัมผัสของ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นครีมหนืดข้น ติดทนนาน เหมาะสำหรับผิวแห้งถึงผิวบอบบาง เนื่องจากเนื้อสัมผัสที่เข้มข้นจะช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้อย่างยาวนาน เหมาะกับสภาพอากาศที่แห้งแล้งหรือหนาวเย็น

เนื้อแบบแท่ง (Stick) 

เนื้อแบบแท่ง เป็นเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นแท่งแข็ง พกพาสะดวก ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องมีเนื้อสัมผัสที่เข้มข้น ไม่ไหลเยิ้ม เช่น ลิปสติก อายแชโดว์ คอนซีลเลอร์ อายไลเนอร์ ลิปบาล์ม เป็นต้น

เนื้อซัสเพนชัน (Suspensions) 

เนื้อซัสเพนชัน เป็นเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นเนื้อสัมผัสที่มีอนุภาคขนาดเล็กของสารอยู่แขวนลอยอยู่ในเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ต้องการปกปิดรอยดำ รอยแดง และจุดด่างดำ เช่น รองพื้น คอนซีลเลอร์ เป็นต้น

เนื้อสครับ (Pastes)

เนื้อสครับ เป็นเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นเนื้อสัมผัสที่ข้นหนืด มีเม็ดสครับขนาดเล็ก ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วออก เผยผิวใหม่ที่ดูกระจ่างใสและเรียบเนียน

มาทำความรู้จักกับผิว ก่อนเลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะสม

การเลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิว และไลฟ์สไตล์ของเรานั้น จะช่วยให้ผิวได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีและสวยอย่างเป็นธรรมชาติ โดยสามารถแบ่งประเภทของผิวตามสภาพและลักษณะได้เป็น 5 ประเภท ได้แก่

  • ผิวแห้ง มักพบในคนผิวขาวหรือผิวขาวอมชมพู มีลักษณะผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น ลอกเป็นขุย รูขุมขนเล็ก ผิวดูหมองคล้ำ สาเหตุของผิวแห้งนั้นอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพอากาศที่แห้ง อากาศเย็น แสงแดด การอาบน้ำอุ่น การล้างหน้าบ่อยเกินไป การขาดสารอาหาร เป็นต้น
  • ผิวมัน มักพบในคนผิวคล้ำหรือผิวสี มีลักษณะผิวมัน รูขุมขนกว้าง ผิวหน้าดูเงา เกิดสิวง่าย สาเหตุของผิวมันนั้นอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น กรรมพันธุ์ ฮอร์โมน ยาบางชนิด อาหารบางชนิด เป็นต้น
  • ผิวผสม มีลักษณะผิวมันบริเวณ T-zone (หน้าผาก จมูก คาง) และแห้งบริเวณ U-zone (แก้ม ใต้ตา) สาเหตุของผิวผสมนั้นอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น กรรมพันธุ์ สภาพอากาศ การใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่ไม่เหมาะสม เป็นต้น
  • ผิวแพ้ง่าย มีลักษณะผิวระคายเคืองง่าย แดง ผื่นคัน เกิดสิวง่าย สาเหตุของผิวแพ้ง่ายนั้นอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น สารเคมีในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ อาหารบางชนิด สารก่อภูมิแพ้ เป็นต้น
  • ผิวธรรมดา มีลักษณะผิวไม่แห้ง ไม่มัน รูขุมขนไม่กว้าง ผิวดูสุขภาพดี สาเหตุของผิวปกตินั้นมักเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น กรรมพันธุ์ สภาพอากาศ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เป็นต้น

การดูแลผิวให้สุขภาพดีนั้น จำเป็นต้องเลือกผลิตภัณฑ์สกินแคร์ให้เหมาะกับสภาพผิวและไลฟ์สไตล์ของเรา นอกจากนี้ ยังควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจทำให้ผิวแห้งหรือมันมากเกินไป

10 คำแนะนำเพิ่มเติม สำหรับการเลือกใช้สกินแคร์

  1. รู้จักประเภทผิวของคุณ เริ่มต้นด้วยการรู้จักประเภทผิวของคุณให้ดี ว่ามันเป็นผิวแห้ง, ผิวมัน, ผิวผสม, หรือผิวแพ้ง่าย เพราะ สกินแคร์ที่เหมาะสม จะต้องเลือกตามประเภทผิวเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  2. อ่านส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ อ่านส่วนประกอบที่ระบุบนบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ และหากมีสารที่คุณแพ้หรือที่อาจส่งผลกระทบต่อผิวให้ระวัง
  3. เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับประเภทผิว ค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับประเภทผิวของคุณ เช่น ครีมหรือเจลล้างหน้าสำหรับผิวมัน, ครีมชุ่มชื้นสำหรับผิวแห้ง, หรือผลิตภัณฑ์เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะของผิว
  4. ทดสอบผลิตภัณฑ์ ลองทดสอบผลิตภัณฑ์บนผิวเล็กน้อยที่มือหรือข้อมือก่อนใช้ที่หน้า เพื่อตรวจสอบว่ามันไม่ทำให้ผิวแพ้ง่ายหรือมีปัญหา
  5. ใช้ตามความต้องการ ใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ตามความต้องการของผิวในแต่ละวัน ซึ่งอาจต้องปรับเปลี่ยนตามสภาวะอากาศหรือปัญหาผิวที่เปลี่ยนไป
  6. รักษาความสะอาด รักษาความสะอาดของผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอโดยใช้คลีนเซอร์หรือโฟมล้างหน้า
  7. อย่าลืมใช้โทนเนอร์ หลังจากการทำความสะอาดเพื่อปรับสมดุล pH ของผิว
  8. เสริมความชุ่มชื้น ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์หรือโลชั่นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
  9. ป้องกันแดด อย่าลืมใช้กันแดดทุกวัน ในตอนกลางวันหรือเมื่อต้องออกนอกในแดด
  10. รักษาอย่างสม่ำเสมอ ควรใช้สกินแคร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาผิวหน้าให้คงสภาพที่ดีในระยะยาว

ข้อมูลเหล่านี้เป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นใน การเลือกใช้สกินแคร์ คุณควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหน้าหรือสไตลิสต์หากคุณมีปัญหาผิวเฉพาะหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมในการดูแลผิวหน้าของคุณ

#สกินแคร์มีกี่ประเภท #แนะนำประเภทของสกินแคร์ #สกินแคร์ยี่ห้อไหนดี #สกินแคร์มีอะไรบ้าง #สกินแคร์มีกี่ตัว #สกินแคร์ที่ควรใช้มีกี่ประเภท #สกินแคร์รูทีนมีกี่ประเภท #สกินแคร์ที่เหมาะกับผิว #เลือกใช้สกินแคร์ #สกินแคร์สำหรับคนเป็นสิว #สกินแคร์ช่วยลดสิว #รีวิวสกินแคร์ #สกินแคร์ #สกินแคร์รูทีน #สกินแคร์ขั้นพื้นฐาน #ขั้นตอนการลงสกินแคร์ #ลำดับการลงสกินแคร์ #สกินแคร์ที่ควรใช้ #สกินแคร์ตัวดัง #สกินแคร์ตัวเด็ด #สกินแคร์เบรนด์ดัง #สกินแคร์ถูกและดี #สกินแคร์รักษาสิว