
ไขข้อสงสัย โทนเนอร์กับคลีนซิ่งต่างกันยังไง ?
โทนเนอร์กับคลีนซิ่งต่างกันยังไง สำหรับสาวๆคนไหนที่มีความสนใจและชื่นชอบในการแต่งหน้าเป็นชีวิตจิตใจ คงจะมีความรู้เกี่ยวกับ สกินแคร์ กันในระดับนึงแล้ว แต่เคยสงสัยกันมั้ยว่าเจ้าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า อย่าง คลีนซิ่ง โทนเนอร์ นั้นทำไมถึงมีชื่อที่คล้ายๆกัน และเคยสงสัยกันมั้ยว่าแต่ละตัวมีวิธีการใช้และสรรพคุณที่แตกต่างกันอย่างไร และจะต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แบบไหนถึงจะตอบโจทย์และเข้ากันตัวเองมากที่สุด วันนี้เราจะพาทุกคนไปไขข้องสงสัยพร้อมกันว่า Cleansing Toner นั้นต่างกันอย่างไร ลองไปดูกันเลย
Cleansing คลีนซิ่ง คืออะไร?
คลีนซิ่ง (Cleansing) คือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางหรือสิ่งสกปรกที่ติดค้างอยู่บนผิว ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ เช่น แบบเนื้อน้ำ แบบเนื้อนม แบบออยล์ แบบเจล และแบบโฟม โดย ผลิตภัณฑ์คลีนซิ่ง เป็นสิ่งจำเป็นที่ควรจะใช้ในทุกๆวัน ไม่ว่าจะในวันที่ไม่ได้แต่งหน้าก็เช่นเดียวกัน เพราะการล้างหน้าด้วยน้ำสะอาดธรรมดา ไม่สามารถทำความสะอาดครีมกันแดด เมคอัพ ฝุ่นควันจากท่อไอเสียรถ หรือมลภาวะที่จับตัวอยู่บนผิวได้ ซึ่งอาจส่งผลทำให้เกิดเป็นสิวอุดตันบนใบหน้าได้ หากไม่ได้ใช้ คลีนซิ่งที่เหมาะสม ในการทำความสะอาดสิ่งสกปรกเหล่านี้ก่อน
คลีนซิ่งแบบน้ำ
คลีนซิ่งน้ำ เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว รวมถึงผิวบอบบางแพ้ง่าย เนื่องจากมีส่วนผสมหลักคือน้ำ และสารทำความสะอาดอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว
- สำหรับผิวมัน คลีนซิ่งแบบน้ำสามารถช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างหมดจด โดยไม่ทิ้งความมันเหนอะหนะไว้บนผิว ช่วยให้ผิวไม่มันเยิ้มระหว่างวัน
- สำหรับผิวแห้ง คลีนซิ่งแบบน้ำบางชนิดอาจมีส่วนผสมของสารบำรุงผิว เช่น วิตามินอี สารสกัดจากธรรมชาติต่างๆ เป็นต้น เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและแข็งแรง
- สำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย คลีนซิ่งแบบน้ำที่มีส่วนผสมจากสารทำความสะอาดจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากว่านหางจระเข้ สารสกัดจากชาเขียว หรือสารสกัดจากดอกคาโมมายล์ เป็นต้น จะช่วยลดการระคายเคืองต่อผิว
คลีนซิ่งแบบออย
คลีนซิ่งออย เหมาะสำหรับผิวแห้งและผิวผสม เนื่องจากสามารถช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างหมดจดโดยไม่ทิ้งความมันเหนอะหนะไว้บนผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและแข็งแรง คลีนซิ่งออยมีส่วนผสมหลักคือน้ำมัน ซึ่งสามารถละลายคราบเครื่องสำอางและน้ำมันบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง
- สำหรับผิวแห้ง คลีนซิ่งออยสามารถช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผิวไม่แห้งกร้านและลอกเป็นขุย
- สำหรับผิวผสม คลีนซิ่งออยสามารถช่วยควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผิวไม่มันเยิ้มระหว่างวัน
คลีนซิ่งแบบน้ำนม
คลีนซิ่งน้ำนม เหมาะสำหรับผิวแห้งและผิวบอบบางแพ้ง่าย เนื่องจากมีส่วนผสมหลักคือน้ำนม ซึ่งมีคุณสมบัติในการทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว คลีนซิ่งน้ำนมมีเนื้อสัมผัสที่บางเบา ซึมซาบสู่ผิวได้ง่าย ไม่ทิ้งความมันเหนอะหนะไว้บนผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและแข็งแรง
- สำหรับผิวแห้ง คลีนซิ่งน้ำนมสามารถช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผิวไม่แห้งกร้านและลอกเป็นขุย
- สำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย คลีนซิ่งน้ำนมที่มีส่วนผสมจากสารทำความสะอาดจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากว่านหางจระเข้ สารสกัดจากชาเขียว หรือสารสกัดจากดอกคาโมมายล์ เป็นต้น จะช่วยลดการระคายเคืองต่อผิว
คลีนซิ่งแบบโฟม
คลีนซิ่งชนิดโฟม เหมาะสำหรับผิวมันและผิวผสม เนื่องจากมีส่วนผสมหลักคือสารทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพในการขจัดความมันส่วนเกินบนใบหน้า โดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง คลีนซิ่งชนิดโฟม มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวล ฟองโฟมละเอียด ช่วยให้สามารถทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก
- สำหรับผิวมัน คลีนซิ่งชนิดโฟมสามารถช่วยควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผิวไม่มันเยิ้มระหว่างวัน
- สำหรับผิวผสม คลีนซิ่งชนิดโฟมสามารถช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างหมดจดโดยไม่ทิ้งความมันเหนอะหนะไว้บนผิว ช่วยให้ผิวไม่แห้งตึง
อย่างไรก็ตาม ควรเลือกคลีนซิ่งชนิดโฟมที่เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง โดยพิจารณาจากส่วนผสมและคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ เช่น ประเภทของสารทำความสะอาด ปริมาณสารบำรุงผิว เป็นต้น นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้คลีนซิ่งชนิดโฟมที่หมดอายุหรือเสื่อมสภาพ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้
คลีนซิ่งจำเป็นที่จะต้องใช้หรือไม่
คลีนซิ่งเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าที่จำเป็นสำหรับทุกคนที่ต้องการทำความสะอาดผิวอย่างหมดจด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่แต่งหน้าเป็นประจำหรือผู้ที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีมลภาวะสูง อย่างไรก็ตาม ผู้ที่แต่งหน้าเพียงเล็กน้อยหรือผู้ที่ไม่แต่งหน้าเลยอาจไม่จำเป็นต้องใช้คลีนซิ่งก็ได้ เพราะการใช้คลีนซิ่งก่อนล้างหน้าจะช่วยขจัดสิ่งสกปรก น้ำมัน เครื่องสำอาง และมลภาวะต่างๆ ออกจากผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่งผลให้ผิวหน้าสะอาด ปราศจากสิ่งตกค้าง ช่วยลดโอกาสการเกิดสิวอุดตัน รูขุมขนกว้าง และปัญหาผิวอื่นๆ
Toner โทนเนอร์ คืออะไร?
โทนเนอร์ (Toner) คือผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนใบหน้า ซึ่งมีส่วนผสมที่สำคัญ เป็นส่วนผสมที่ช่วยปรับสมดุลค่า pH ของผิวหน้า ที่ช่วยลดความมัน ช่วยกระชับรูขุมขน และช่วยเติมความชุ่มชื่นให้กับผิว โดยโทนเนอร์ Toner มักมีสูตรที่อ่อนโยนและเหมาะสำหรับใช้กับผิวหน้าทุกประเภท มันช่วยลดการระคายเคืองของผิวหน้า และเป็นขั้นตอนสำคัญในการเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับขั้นตอนการดูแลผิวหน้าถัดไป เช่น การใช้ครีมบำรุงหรือสิ่งอื่น ๆ ที่คุณใช้ในการดูแลผิวหน้าต่อไป
โทนเนอร์ผลัดเซลล์ผิวหรือ (Exfoliating Toner)
เป็นโทนเนอร์ที่มีส่วนประกอบที่ช่วยในกระบวนการผลัดเซลล์ผิวหน้า เป็นส่วนสำคัญในการดูแลผิวหน้าเพื่อเอาออกเซลล์ผิวหน้าที่เสียหรือที่เป็นเซลล์ผิวเก่าที่อยู่บนผิวหน้า โดยทั่วไปแล้วมีส่วนประกอบที่เรียกว่า “AHA” (Alpha Hydroxy Acid) หรือ “BHA” (Beta Hydroxy Acid) ซึ่งเป็นกรดที่ช่วยละลายเซลล์ผิวหน้าเก่าและช่วยในกระบวนการผลัดเซลล์ใหม่ขึ้นมาที่ผิวหน้าใหม่
โทนเนอร์เติมน้ำให้ผิว (Hydrating Toner)
เป็นโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของสารให้ความชุ่มชื้น เช่น กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) กลีเซอรีน (Glycerin) เป็นต้น ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) เป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายมนุษย์ มีคุณสมบัติในการกักเก็บน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นยาวนาน กลีเซอรีน (Glycerin) เป็นสารให้ความชุ่มชื้นที่พบได้ตามธรรมชาติในพืชและสัตว์ มีคุณสมบัติในการดูดซับความชื้นจากอากาศ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น โทนเนอร์เติมน้ำให้ผิว เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้ง ผิวลอกเป็นขุย ผิวขาดน้ำ
โทนเนอร์ปกป้องสมดุลผิว (Healing/pH Balancing Toner)
เป็นโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมของสารปรับสมดุลค่า pH ของผิวให้อยู่ที่ 5.5 ซึ่งถือเป็นค่า pH ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผิวมนุษย์ ช่วยให้ผิวแข็งแรง คงความชุ่มชื้น และลดการระคายเคือง ค่า pH ของผิวจะเปลี่ยนแปลงได้ตามปัจจัยต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ ความเครียด และมลภาวะ การเปลี่ยนแปลงของค่า pH ของผิวอาจทำให้ผิวอ่อนแอลง สูญเสียความชุ่มชื้น และเกิดปัญหาผิวต่างๆ ได้ โทนเนอร์ปรับสมดุลค่า pH ของผิว จึงมีความสำคัญในการช่วยปรับสมดุลค่า pH ของผิวให้กลับมาอยู่ที่ค่าปกติ โทนเนอร์ปกป้องสมดุลผิว เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาผิวบอบบางแพ้ง่าย
โทนเนอร์จำเป็นที่จะต้องใช้หรือไม่
โทนเนอร์เป็นผลิตภัณฑ์น้ำใสที่มักใช้เพื่อปรับสมดุลค่า pH ของผิว ทำความสะอาดสิ่งตกค้างจากผลิตภัณฑ์ล้างหน้า และเตรียมผิวสำหรับการบำรุงอื่นๆ โทนเนอร์บางชนิดอาจมีส่วนผสมเพิ่มเติมที่ช่วยกระชับรูขุมขน ลดความมัน หรือให้ความชุ่มชื้น โดยทั่วไปแล้ว โทนเนอร์เป็นผลิตภัณฑ์เสริมที่สามารถใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ล้างหน้า แต่ไม่ได้จำเป็นสำหรับทุกคน ผู้ที่แต่งหน้าเป็นประจำอาจพบว่าโทนเนอร์มีประโยชน์ในการทำความสะอาดสิ่งตกค้างจากผลิตภัณฑ์แต่งหน้าที่เหลือค้างอยู่ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่แต่งหน้าเพียงเล็กน้อยหรือผู้ที่ไม่แต่งหน้าเลยอาจไม่จำเป็นต้องใช้โทนเนอร์
ความแตกต่างระหว่างโทนเนอร์กับคลีนซิ่ง ที่หลายๆท่านยังไม่รู้
โทนเนอร์กับคลีนซิ่ง เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่หลายคนมักใช้ร่วมกัน แต่ทั้งสองผลิตภัณฑ์มีความแตกต่างที่สำคัญหลายประการ
โทนเนอร์เป็นผลิตภัณฑ์น้ำใสที่มักใช้เพื่อปรับสมดุลค่า pH ของผิว ทำความสะอาดสิ่งตกค้างจากผลิตภัณฑ์ล้างหน้า และเตรียมผิวสำหรับการบำรุงอื่นๆ โทนเนอร์บางชนิดอาจมีส่วนผสมเพิ่มเติมที่ช่วยกระชับรูขุมขน ลดความมัน หรือให้ความชุ่มชื้น แต่ในทางกลับกัน คลีนซิ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อขจัดสิ่งสกปรก น้ำมัน เครื่องสำอาง และมลภาวะอื่นๆ ออกจากผิว ผลิตภัณฑ์คลีนซิ่งมีให้เลือกหลายรูปแบบ เช่น น้ำ น้ำมัน เจล และโฟม
ความแตกต่างระหว่างโทนเนอร์กับคลีนซิ่ง หลักๆมีดังนี้
- หน้าที่ : โทนเนอร์ทำหน้าที่ปรับสมดุลค่า pH ของผิว ทำความสะอาดสิ่งตกค้างจากผลิตภัณฑ์ล้างหน้า และเตรียมผิวสำหรับการบำรุงอื่นๆ คลีนซิ่งทำหน้าที่ขจัดสิ่งสกปรก น้ำมัน เครื่องสำอาง และมลภาวะอื่นๆ ออกจากผิว
- เนื้อสัมผัส : โทนเนอร์มักเป็นผลิตภัณฑ์น้ำใส ในขณะที่คลีนซิ่งมีให้เลือกหลายรูปแบบ เช่น น้ำ น้ำมัน เจล และโฟม
- เวลาที่ใช้ : โทนเนอร์มักใช้หลังล้างหน้า ในขณะที่คลีนซิ่งมักใช้ก่อนล้างหน้า
โดยทั่วไปแล้ว โทนเนอร์เป็นผลิตภัณฑ์เสริมที่สามารถใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ล้างหน้า แต่ไม่ได้จำเป็นสำหรับทุกคน ผู้ที่แต่งหน้าเป็นประจำอาจพบว่าโทนเนอร์มีประโยชน์ในการทำความสะอาดสิ่งตกค้างจากผลิตภัณฑ์แต่งหน้าที่เหลือค้างอยู่ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่แต่งหน้าเพียงเล็กน้อยหรือผู้ที่ไม่แต่งหน้าเลยอาจไม่จำเป็นต้องใช้โทนเนอร์ แต่คลีนซิ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นสำหรับทุกคนที่ต้องการทำความสะอาดผิวอย่างหมดจด ผลิตภัณฑ์คลีนซิ่งที่เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณจะช่วยให้คุณมีผิวที่สะอาดและสุขภาพดี
สรุปความจำเป็นในการใช้ โทนเนอร์กับคลีนซิ่งต่างกันยังไง
ความจำเป็นในการใช้ โทนเนอร์และคลีนซิ่ง ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคลและสภาพผิว
สำหรับผู้ที่ไม่แต่งหน้า
หากไม่แต่งหน้าหรือทาครีมกันแดด ไม่จำเป็นต้องใช้คลีนซิ่ง เนื่องจากคลีนซิ่งมีวัตถุประสงค์หลักในการขจัดสิ่งสกปรก เครื่องสำอาง และเมคอัพต่างๆ ออกจากใบหน้า แต่หากมีเหงื่อไคลหรือฝุ่นละอองเกาะอยู่บนใบหน้า สามารถใช้โทนเนอร์เพื่อทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจดยิ่งขึ้น และปรับสมดุลค่า pH ของผิวให้เหมาะสมได้
สำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย
ผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่าย ควรหลีกเลี่ยงการใช้คลีนซิ่งที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือน้ำหอม เนื่องจากอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวได้ สามารถเลือกใช้โทนเนอร์ที่มีส่วนผสมจากสารทำความสะอาดอ่อนโยน เช่น สารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อทำความสะอาดผิวหน้าโดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองได้
สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวต่างๆ
ผู้ที่มีปัญหาผิว เช่น ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ผิวหมองคล้ำ มีสิว เป็นต้น สามารถใช้โทนเนอร์เพื่อบำรุงผิวและแก้ไขปัญหาผิวต่างๆ ได้ โดยการเลือกโทนเนอร์ที่มีส่วนผสมที่เหมาะสมกับสภาพผิวของตนเอง
#โทนเนอร์กับคลีนซิ่งต่างกันยังไง #วิธีเลือกใช้โทนเนอร์กับคลีนซิ่ง #โทนเนอร์กับคลีนซิ่ง #โทนเนอร์กับคลีนซิ่งดีอย่างไร #ข้อดีของโทนเนอร์กับคลีนซิ่ง #ประเภทของโทนเนอร์กับคลีนซิ่ง #แนะนำโทนเนอร์กับคลีนซิ่ง #รีวิวโทนเนอร์กับคลีนซิ่ง #โทนเนอร์ #คลีนซิ่ง #คลีนซิ่งตัวไหนดี #โทนเนอร์ตัวไหนดี #โทนเนอร์ที่เหมาะกับผิว #คลีนซิ่งที่เหมาะกับผิว #โทนเนอร์ทำความสะอาดผิว #โทนเนอร์และคลีนซิ่ง #Cleansing #Toner #ผลิตภัณฑ์คลีนซิ่ง #ผลิตภัณฑ์โทนเนอร์ 10ครีมกันแดดถูกและดี